ทำความรู้จักกับระบบ Escrow

“Escrow” คือระบบการเก็บเงินปลอดภัยที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความมั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันมา เมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินธุรกรรมกับกัน

ปัญหาพื้นฐานที่ “escrow” ช่วยแก้ไขคือการที่แต่ละฝ่ายไม่เชื่อถือกัน ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีการซื้อขายออนไลน์ ผู้ซื้ออาจจะกังวลว่าหลังจากโอนเงินไปแล้ว จะได้รับสินค้าหรือไม่ ในขณะที่ผู้ขายก็อาจจะกังวลว่าหลังจากส่งสินค้าแล้ว จะได้รับเงินหรือไม่

ระบบ escrow จะทำงานดังนี้:

1. ผู้ซื้อโอนเงินเข้าสู่บัญชี escrow
2. บริการ escrow จะแจ้งให้ผู้ขายรู้ว่าเงินถูกโอนเข้ามาแล้ว
3. ผู้ขายจะส่งสินค้าตามที่ตกลง
4. หลังจากผู้ซื้อได้รับสินค้าและยืนยันว่าสินค้าถูกต้องตามสัญญา บริการ escrow จึงจะโอนเงินให้กับผู้ขาย
5. หากมีปัญหาใด ๆ บริการ escrow สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าเงินควรถูกคืนให้กับผู้ซื้อหรือโอนให้กับผู้ขาย

ด้วยระบบนี้ “escrow” ช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีความมั่นใจในการซื้อขาย และลดความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของแต่ละฝ่าย.

ระบบ “escrow” ถูกนำไปใช้งานในหลายๆ ธุรกิจและการซื้อขายต่างๆ ดังต่อไปนี้:

1. การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์: เมื่อมีการซื้อขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ บริการ escrow ถูกใช้เป็นตัวกลางเพื่อรับรองว่าผู้ซื้อจะจ่ายเงินและผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ตามที่ตกลงกัน.
2. ธุรกิจออนไลน์: บริการ escrow ได้รับความนิยมเฉพาะกับการซื้อขายออนไลน์ เพื่อรับรองการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย. ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ซื้อขายธุรกิจ, ซื้อขายโดเมนเนม, หรือการซื้อขายสินค้าราคาสูงอื่นๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต.
3. ซื้อขายซอฟต์แวร์หรือลิขสิทธิ์ทางปัญญา: การใช้ escrow ในการซื้อขายโค้ดซอฟต์แวร์หรือรหัสลับเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล.
4. การซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ: เมื่อมีการซื้อขายระหว่างประเทศ, บางครั้ง escrow จะถูกใช้เป็นตัวกลางเพื่อรับรองว่าการทำธุรกรรมจะดำเนินไปอย่างปลอดภัย.
5. เว็บไซต์ฟรีแลนซ์: เว็บไซต์ที่เชื่อมต่อฟรีแลนซ์กับลูกค้า เช่น Upwork หรือ Freelancer, มักใช้ระบบ escrow เพื่อรับรองการจ่ายเงินให้กับฟรีแลนซ์หลังจากที่งานถูกส่งและได้รับการยืนยัน.
6. สินเชื่อ: บางครั้ง, escrow จะถูกใช้ในการจัดการกับการจ่ายเงินของสินเชื่อ, เพื่อรับรองว่าผู้กู้จะจ่ายเงินตามที่ตกลงกับผู้ให้กู้.

ทั้งนี้, การใช้ระบบ escrow สามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งสองฝ่ายที่มีการซื้อขายกัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการซื้อขายที่มีค่าและ/หรือซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์.

การทำ “escrow” มีประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการซื้อขาย แต่ก็มีข้อควรระวังหลายประการดังนี้:

1. เลือกบริการที่น่าเชื่อถือ: การเลือกบริษัทหรือบริการ escrow ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ควรตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับการอนุญาตหรือจดทะเบียนตามกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่
2. ค่าธรรมเนียม: หลายบริษัท escrow จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการให้บริการ เหล่านี้ ควรทราบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเท่าไหร่และใครจะรับผิดชอบการจ่ายเงิน
3. ตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน: ทราบขั้นตอนการดำเนินการของบริการ escrow เช่น ขั้นตอนในการแจ้งเตือน การอนุมัติการโอนเงิน และการคืนเงิน
4. การแก้ปัญหา: อาจมีการขัดแย้งหรือปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกรรม ควรทราบว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้น มีกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างไร
5. ความปลอดภัยของข้อมูล: ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ใช้ในการทำธุรกรรม และการที่บริษัทจะใช้ข้อมูลนั้นในเชิงพาณิชย์หรือไม่
6. การรอ: บางครั้งการดำเนินการของ escrow อาจทำให้การซื้อขายช้าลง เนื่องจากต้องรอการยืนยันหลายขั้นตอน
7. หลอกลวงและการฉ้อโกง: มีบางกรณีที่ผู้ฉ้อโกงอาจแอบอ้างว่าพวกเขามีบริการ escrow แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทำให้ผู้คนโอนเงินไปแต่สุดท้ายไม่ได้รับสินค้า

เพื่อป้องกันการเสียเงินหรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับการทำ escrow, ควรทำการวิจัย และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัท escrow ที่คุณกำลังจะใช้งาน นอกจากนี้ยังควรอ่านและทำความเข้าใจในเงื่อนไขและข้อตกลงที่ทำระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี.